.
5 แนวทางป้องกันความล้า ความอ่อนเพลีย !
.
“โรคล้าเรื้อรัง” (Chronic fatigue syndrome, CFS) โดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้ คือโรคจากความล้าที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรง รวมถึงทำให้ขาดสมาธิ นอนหลับยาก ซึมเศร้า ส่งผลร้ายต่อแทบทุกองค์ประกอบของชีวิตเลยทีเดียว!
ในประเทศไทยพบคนเป็นโรคนี้ถึงกว่า 100,000 คน! โดยมากพบในช่วงอายุ 25-45 ปี ซึ่งมีการทำงานหนัก เครียด และล้า
.
แต่ความจริงอาจจะมีคนเป็นโรคนี้มากกว่านั้น รวมถึงก็มีคนจำนวนมากถึงหลายล้าซึ่งมีความล้าอ่อนเพลียอย่างเรื้อรัง ซึ่งแม้จะไม่ถึงกับเป็น “โรคล้าเรื้อรัง” แต่ก็ส่งผลกับคุณภาพชีวิตอย่างมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาบอกแนวทางในการป้องกันความล้า ความอ่อนเพลียกันครับ !
.
1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และกินอาหารที่มีประโยชน์
เป็นสองพื้นฐานที่สำคัญทั้งของการลดความล้าและเสริมคุณภาพชีวิต
.
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพออย่างต่อเนื่องนั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดความอ่อนล้า ซึ่งก็คือการนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวันโดยที่ไม่มีการรบกวน แต่ทั้งนี้การพักผ่อนควรจะพอดี ไม่มากเกินไป คือไม่นอนอยู่กับเตียง (total rest) มากเกินไป เพราะยิ่งจะส่งผลให้ความกระตือรือร้นลดลง และเพิ่มความอ่อนเพลีย ส่งผลเสียต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
.
3. พูดคุยกับผู้อื่น
การจมอยู่กับความอ่อนเพลียคนเดียวนั้นจะส่งผลแต่ทำให้อาการหนักขึ้น ถ้ารู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลีย ก็ควรยอมรับและคุยปรึกษา คลายความเครียดกับคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง หรือคนที่คุณเชื่อใจ
.
4. งดอาหารหนัก สุราเมรัย คาเฟอีนก่อนนอน
เพราะทำให้หลับยาก เป็นเหตุให้อ่อนเพลียมากขึ้น
.
5. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายถือเป็นการลดความล้าที่ดีเยี่ยม เนื่องจากช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย และฮอร์โมนต่างๆที่เสริมความแข็งแรงของร่างกาย แต่การออกกำลังกายควรเริ่มแต่จากเบาๆแล้วค่อยๆเพิ่มขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายหนักเพราะอาจกระตุ้นให้อาการทรุดลงได้!
.
กิงโกวิต้ามีองค์ประกอบจากสารซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงประสาท สมอง และร่างกายถึง 18 ชนิด ซึ่งสามารถป้องกัน และคลายความล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
ผลิตภัณฑ์ “กิงโกวิต้า” ได้รับมาตรฐาน อย 11-1-06353-1-0401
และมาตรฐานโรงงานจากยุโรปแล
GinkgoVita เพิ่มพลังสมองเปิดความคิดสร้างสรรค์
สามารถสอบถามหรือสั้งซื้อ GinkgoVita
ได้ทาง LINE เพียงแค่กดปุ่มด้านล่างเพื่อ “ADD FRIEND”
หรือ Facebook INBOX เพียงคลิกปุ่มด้านล่าง